The Ascent เป็นเกม Theme Cyberpunk ที่เต็มไปด้วย detail มากมาย กับแนวเกมแอคชัน สวมบทบาท แนว Shooting และระบบ RPG แถมยังเป็นเกม Excusive ของ Microsoft และ Xbox ด้วย เป็นผลงานจากสตูดิโอเกมอินดี้ของสวีเดน ต้องมาดูกันว่าเกมนี้จากสตูสวีเดน จะน่าสนใจหรือน่าผิดหวังกันแน่
เกม The Ascent เป็นเกมแนว ไซเบอร์พังก์ สวมบทบาท ชู๊ตติ้ง ผจญภัย และมีระบบ RPG ด้วย จากผู้พัฒนา Neon Giant สวีเดน และเผนแพร่โดย Curve Digital เปิดตัวครั้งแรกวันที่ 29 กรกฎาคม ปี 2021 บนแพลตฟอร์ม Playstation 4, Playstation 5, Xbox One และ Microsoft Windows
ในเกม ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นคนงานที่ต้องการจะไต่เต้าจากคนงานขึ้นไปเป็นคนชั้นสูงในสังคม โดยที่ตัวเกมจะมี Setting ที่อยู่ในเมือง Veles ซึ่งผู้เล่นจะต้องคอยรับภารกิจและทำภารกิจให้กับองค์กรเพื่อเปิดเผยความจริงที่ได้ซ่อนอยู่ของกลุ่ม The Ascent โดยที่สถานที่ต่าง ๆ ภายในเกม The Ascent ก็จะมีชุมชนแออัดและตึกสูงหรูหรา โดยที่เรื่องราวภายในเกมก็ทำออกมาได้ปานกลาง ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แย่จนถึงกับเล่นไม่ได้เลย และการทำภารกิจก็มีความซ้ำ ไม่ค่อยมีความหลากหลายจนอาจจะทำให้น่าเบื่อได้ง่าย ๆ เพราะมันไม่ค่อยมีความตรงกันซักเท่าไหร่และไม่ค่อยมีเหตุมีผล เช่นการกำจัดเป้าหมาย การเก็บไอเทมที่กำหนด แต่ตัวเกมก็มีรายละเอียดตามฉากอยู่มากมาย แต่ก็มีไม่กี่อย่างที่ผู้เล่นสามารถที่จะตอบโต้กับมันได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นรายละเอียดเพื่อประกอบฉากเท่านั้น อย่างเช่น NPC ที่จะคอยให้ภารกิจกับเราและร้านค้า และตัวเกมก็ยังมีอิสระที่ผู้เล่นสามารถจริงใครก็ได้ ซึ่งเป็นลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเกม แต่มันกลับไม่ได้รับค่าประสบการณ์ ไม่ได้รับเงิน และมีระบบ fast traval ในเกม ทั้งแท็กซี่ รถไฟใต้ดิน ก็มีราคาที่แพงมาก ๆ สำหรับเกมนี้ และใช้เวลานาน ทำให้การเดินทางภายในเกมส่วนใหญ่ ผู้เล่นก็มักจะใช้เดินเท้าแทน
ในส่วนของการเล่น เกมพยายามนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับเกม โดยมีระบบการเล่นแบบ Twin stick shooter โดยที่มีการควบคุมหลักหลักที่จะใช้ analog ซ้าย ในการเคลื่อนที่ และ analog ขวา สำหรับหันเล็งทิศทาง ซึ่งสามารถเล็งได้ทั้งพื้นที่สูงและต่ำ และระบบก้มยิง บวกกับความ RPG ให้ผู้เล่นสามารถจัดการตัวละคร และระบบสกิลทรี เพื่อสวมใส่ชุด กับความสามารถพิเศษด้วย และเกมก็ยังมีอาวุธให้เลือกใช้หลากหลายชนิด ทั้งปืนพกปืนลูกซองและปืนกล และของที่ใช้เพื่ออัพเกรดตัวเราได้ ทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งในแบบที่ตัวเองชอบได้ และแต่งเพื่อเอาไปเล่นแบบ Co-op ได้ ส่วนระบบการดรอปของก็ไม่ได้เป็นการสุ่มดรอป แต่เต็มไปด้วยของที่ไม่มีประโยชน์ ได้แต่เก็บไปขายเป็นเงิน เพราะการซื้อของในเกมนี้จะได้เงินเป็นหลัก ซึ่งเงินก็หายากด้วย ซึ่งในโหมดการเล่นคนเดียวก็อาจจะไม่ได้มีรายละเอียดและคอนเทนท์มากมาย และใช้เวลาไม่นานสำหรับเนื้อเรื่องหลัก มันจึงมีความไม่ค่อยสมบูรณ์และน้อยเกินไป เป็นการสู้กับบอส เพราะเกมไปเน้นระบบ Co-op และ multiplayer ของเกม The Ascent ก็ยังถือว่า ยังทำได้ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก ยังขาดสิ่งสำคัญในการเล่นและบัค อยู่หลายจุด เช่น การรอเชื่อมต่อ หรือระหว่างการเล่นก็เกิดขึ้นได้ ทั้งศัตรูที่ผู้เล่นอีกคนมองเห็น แต่อีกคนกลับมองไม่เห็น และยังมีหลายจุดที่เกิดขึ้นอยู่เล็กน้อย และอาจสร้างความรำคาญได้ และอีกอย่างหนึ่งของเกมที่ทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็คือเมนูและ UI ของเกม ซึ่งเข้าใจยากมาก ๆ และระบบเซฟที่มีแต่ออโต้เท่านั้น และ ไม่มีระบบการวิ่ง
ในส่วนของระบบกราฟฟิกและซาวด์เอฟเฟค รายละเอียดภายในเกม ฉากมีทั้งแสงสีไฟนีออน ป้ายไฟ ภายในฉาก และรถลอยฟ้าที่วิ่งอยู่บนอากาศไปมา และตัวละครสุดประหลาดที่อยู่ทั่วเมือง ซึ่งในส่วนนี้ทีมงานก็สามารถถ่ายทอด โลกของ Cyberpunk มาได้อย่างดี โดยเฉพาะป้ายโฆษณาที่มีการเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ซึ่งทำออกมาได้สมจริง และมีเสียงประกาศออกมา และมีฝนที่ตกลงมา ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี แต่ก็จะมีความซ้ำกันอยู่เป็นแพทเทิร์นเดิม ทั้งฉากและศัตรู และเกมก็ยังมีเฟรมเรทดรอปด้วยในบางจังหวะ ส่วนซาวด์เอฟเฟคที่มาได้ล้ำเข้ากับ Theme ของเกม รวมไปถึงเสียงปืนที่มีความหนักแน่นและสะใจ ส่วน Soundtrack ก็มีสไตล์อิเล็กทรอนิกส์ อยู่ตลอดทั้งเกม ซึ่งส่วนนี้ก็ช่วยกู้เกมให้ดูดีขึ้นมาได้
เกม The Ascent นี้อาจจะเป็นเกมที่ทำมาเพื่อให้เล่นแบบ Co-op และ multiplayer เพราะเนื้อหาของการเล่นคนเดียวค่อนข้างจะน้อยเอามาก ๆ ทำให้เกมแอบมีความน่าเบื่อ และแพทเทิร์นศัตรูที่ซ้ำ ๆ กัน ส่วนเงินก็หาได้ยากเกินไป และภารกิจที่จะได้ทำก็ไม่ได้สร้างความน่าสนใจสักเท่าไหร่ จะมีดีก็แค่ภาพที่ทำออกมาได้สวยงามและซาวด์เอฟเฟคที่สะใจเข้ากับธีมเกม หากจะดึงดูดผู้เล่นให้เข้ามา ก็คงต้องรอการอัปเดตเกมจากทีมงาน ให้เกมมีความหลากหลายมากกว่านี้อีก