เป็นเกมที่จะพาผู้เล่นเข้าไปสู่สงครามในยุคกลางที่จะต้องเผชิญหน้ากับทหารทั้งกองทัพพร้อมกับอาวุธที่ถือในมือ ที่จะต้องมุ่งหน้าเพื่อเข้าไปโจมตี โดยที่ผู้เล่นเองก็สามารถที่จะตายได้ทุกเมื่อ หรือจะรักษาชีวิตเอาไว้จนกว่าจะจบ และภาคนี้ก็ยังเป็นภาคต่อของ Chivalry: Medieval Warfare ซึ่งก็ได้วางจำหน่ายไปแล้วตั้งแต่ปี 2012 โดยภาคแรกก็ทำให้หลาย ๆ คนรู้จัก และภาคต่อภาคนี้ที่ผ่านมากว่า 10 ปี จะทำออกมาเป็นอย่างไร จะน่าเล่นเหมือนเดิมหรือไม่
โดยเซตติ้งของเกมก็จะนำเสนอโลกในสมัยยุคกลางที่มีความเถื่อนความดิบในยุคของสงครามและความขัดแย้งต่าง ๆ มีทั้งนักรบใส่ชุดเกราะ ซึ่งมาใน Theme ที่มีความสมจริง ไม่มีความแฟนตาซีผสมอยู่แต่อย่างใด ซึ่งโหมดหลักของเกมก็ไม่ได้มีอะไรมาก โดยในภาคนี้ก็จะให้ผู้เล่นทั้งหมด 64 คน เข้ามาอยู่ในสนามรบ พร้อม ๆ กันในแมตช์เดียว ซึ่งมันก็จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย สับสน อย่างแน่นอน โดยที่ผู้เล่นแต่ละคนก็จะได้เลือกอาวุธติดตัวไปและไอเทมด้วย ซึ่งทุก ๆ อย่างก็จะต้องคำนึงถึงการใช้งานด้วย รวมไปถึงน้ำหนัก เพราะมันจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ในการเล่น
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้เล่นก็จำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับศัตรูแบบตัวต่อตัวเลย และบางทีอาจจะโดนรุมจากศัตรูเป็นกลุ่ม ๆ ด้วย ส่วนตัวเกมก็จะประกอบไปด้วย 3 โหมดหลัก ๆ คือ team objective ที่จะให้ผู้เล่นเลือกแผนที่และในแต่ละแผนที่ก็จะมีภารกิจที่แตกต่างกัน อย่างเช่น การบุกเข้าไปยังสถานที่ที่กำหนด การป้องกันฐาน และการช่วยเหลือเป้าหมาย ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นการสลับด้านกัน โดยช่วงแรก ๆ ที่เกมออก แผนที่ก็จะมีทั้งหมด 8 แผนที่ ให้ได้เลือกเล่นกัน ส่วนอีก 2 โหมดนั้น คือ team death match และ free for all ซึ่งหลัก ๆ แล้วมันก็จะเน้นการจัดการกับฝั่งตรงข้าม ส่วนการเล่นหลัก ๆ นั้นก็จะมีการใส่อารมณ์ของการที่ผู้เล่นจะได้มีส่วนร่วมกับตัวเกม ซึ่งค่อนข้างมีเอกลักษณ์มาก อย่างเช่น การหาช่องโหว่ของกำแพงหรือผู้เล่นสามารถโจมตีโดนฝั่งเดียวกันได้ ถ้าผู้เล่นโจมตีมั่ว ๆ แบบไม่ระมัดระวังก็อาจจะฟันไปโดนเพื่อนตาย เป็นการฆ่าเพื่อนมากกว่าการต่อสู้กับศัตรูก็ได้ ส่วนนี้มันก็ช่วยเพิ่มความวุ่นวายโกลาหลภายในสนามรบได้อย่างดีมาก ๆ
ใน Chivalry 2 ผู้เล่นก็ยังสามารถเลือกปรับแต่งรูปร่างหน้าตาของตัวละครได้อีกด้วย และผู้เล่นก็ยังสามารถเลือกซื้อ option เพิ่มเติมจากร้านค้า ถ้าหากต้องเทียบกับเกมอื่น ๆ ในแนวเดียวกันนี้ ก็อาจจะดูไม่ค่อยหลากหลายสักเท่าไหร่ และนอกจากนั้นในภาคนี้ ก็ยังมีทหารเพศหญิงเข้ามาให้เลือกอีกด้วย แต่ตัวเลือกต่าง ๆ กลับมีความจำกัดมากกว่าตัวละครเพศชาย ถ้าเพิ่มตัวเลือกให้มีความเท่าเทียมกันก็อาจจะมีความหลากหลายมากกว่านี้ เพราะคนส่วนใหญ่ก็มักจะชอบเล่นตัวละครผู้หญิงกัน และเกมนี้ด้วยความที่มันจะต้องออนไลน์อยู่ตลอดเวลาแต่ในระหว่างการเล่นนั้นก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างลื่นไหลดี ทั้งการแมตช์ผู้เล่นคนอื่น ๆ หรือถ้าผู้เล่นจริง ๆ มีไม่พอในแมตช์นั้น ตัวเกมก็จะใส่บอท AI เข้ามาแทนที่ให้
ซึ่งมันก็จะช่วยลดระยะเวลาในการรอคอยการเริ่มเกมได้อย่างดี นอกจากการเล่นแบบออนไลน์แล้ว ผู้เล่นก็ยังสามารถเลือกไปฝึกฝนการเล่นเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับการเล่นเกมนี้ ทั้งการควบคุมและการโจมตีในโหมดออฟไลน์ก็ได้ โดยผู้เล่นก็จะได้ต่อสู้กับ บอท AI ของเกมนี้ แต่เอาเข้าจริง ๆ มันก็ไม่สามารถนำกลยุทธ์บางอย่างที่เราฝึกไว้ได้หมดนี้ไปลงสนามรบจริง ๆ ได้ ส่วนในการเล่นโหมดออฟไลน์นี้ ก็ไม่ได้มีรางวัลพิเศษเพิ่มเติม ทำให้เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรที่จะน่าค้นหา เพราะจริง ๆ แล้วตัวเกมได้ทำมาเพื่อให้ผู้เล่นได้เน้นเล่นแบบออนไลน์กันมากกว่า
ในส่วนของระบบการเล่นหลัก ๆ แล้ว ก็คือการต่อสู้ระยะประชิด ซึ่งก็ทำออกมาได้ดี สนุก ทั้งการใช้อาวุธที่มีการฟัน การแทง หรือการฟาดลงไป ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดก็จะมีจังหวะและผลที่ได้รับที่แตกต่างกัน ส่วนผู้เล่นที่เป็นฝ่ายรับก็สามารถป้องกันได้ ซึ่งการกดทำสิ่ง ต่าง ๆ ก็จะต้องเสียค่าสตามิน่า หากผู้เล่นจะทำอะไรก็จำเป็นจะต้องคิดก่อนที่จะทำ ส่วนกลยุทธ์ในการต่อสู้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเกมนี้ เพราะผู้เล่นจำเป็นจะต้องเรียนรู้เองจากประสบการณ์ในการเล่นแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ผู้เล่นอยากกลับมาเล่นอีกเรื่อย ๆ เพื่อต่อสู้และลองทำอะไรต่าง ๆ ที่เคยได้ทำพลาดไป ด้วยระบบการเล่นที่ทำออกมาได้อย่างสนุก สะใจ ทั้งการจัดการกับศัตรูพร้อม ๆ กัน
ทั้งการล็อกที่จะต้องใช้จังหวะในการขยับไปข้างหน้า ตัวละครในเกมก็จะมีคลาสให้เลือกเล่นทั้งหมด 4 คลาส มี Archer นักธนูก็จะเน้นการยิงธนูเพื่อจัดการกับศัตรูในระยะไกลแต่จะไม่ถนัดในด้านการต่อสู้แบบระยะประชิด, Vanguard จะมีความรวดเร็วว่องไวจึงเป็นตำแหน่งที่จะช่วยให้ทีมสามารถบุกไปข้างหน้าได้อย่างดี, Footman ทหารราบที่จะเน้นการต่อสู้แบบระยะประชิด และ Knight เป็นอัศวินที่ก็จะเป็นเหมือนเซ็นเตอร์ของเพื่อนร่วมทีมและฟื้นพลัง และในแต่ละคลาสก็จะมีคลาสย่อยให้ผู้เล่นสามารถปลดล็อคได้อีกด้วย อย่างเช่น ถ้าเราเล่นเป็นพลธนูก็จะเริ่มต้นจาก Long bow man หรือนักธนูและเมื่อผู้เล่นได้เล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะมีการปลดล็อคคลาส ที่มันจะสร้างความเสียหายได้รุนแรงมากขึ้น และสามารถจัดการกับศัตรูที่ใส่เกราะได้อย่างดีขึ้น แต่อาจจะมีบางอย่างที่ต้องเสียเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ถือว่าตัวเกมสามารถสร้างความแตกต่างของแต่ละคลาสได้อย่างดี
แถมแต่ละครั้งยังเหมาะสมกับสไตล์การเล่นของผู้เล่นที่มีความหลากหลาย โดยแต่ละคลาสก็สามารถอัพเลเวลเพื่อปลดล็อคอาวุธใหม่ ๆ ได้และมีการเพิ่มความชำนาญได้ด้วย ซึ่งโดยรวมตัวเกมก็สร้างความบาลานซ์ของทุกอย่างออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งระดับของผู้เล่น และความสามารถของฝ่ายต่างๆก็จะเน้นในเรื่องของทักษะ ความชำนาญและกลยุทธ์ในการเล่นของผู้เล่นนั้นมากกว่า และมันจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อเราเล่นไปเรื่อย ๆ และอีกจุดที่น่าสนใจของเกมนี้ก็คือ ผู้เล่นสามารถเลือกปรับมุมมองการเล่นระหว่าง first person กับ third person ซึ่งส่วนนี้มันก็จะช่วยให้ผู้เล่นที่มีความถนัดในมุมมองทั้งสองแบบนี้สามารถเข้าถึงตัวเกมได้ง่ายขึ้น
ในส่วนของระบบกราฟฟิกนั้น เกม Chivalry 2 มันก็เต็มไปด้วยความสมจริงเหมือนกันกับ Theme ของเกมทางเลือกและชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ถูกตัดขาด แม้ว่าในการต่อสู้ในสนามรบมันจะเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย รวมไปถึงตัวละครผู้เล่นคนอื่น ๆ แต่ในระหว่างการเล่นก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างลื่นไหล แม้จะมีการโหลดพื้นผิวให้เห็นอยู่บ้าง และในส่วนของงานด้านเสียงเกมนี้ก็ถือว่าทำซาวด์เอฟเฟคออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมันก็จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ของความสมจริง มีทั้งความโหดร้าย การเอาชีวิตรอดจากสงคราม เหมือนกับนั่งดูฉากสงครามในหนังเลย ทั้งเสียงของอาวุธที่ฟันโดนสิ่งต่าง ๆ และเสียงร้องของผู้คนที่ดังขึ้นในสนามรบ รวมไปถึงดนตรีประกอบก็สร้างความฮึกเหิมให้กับเกมได้เป็นอย่างดี
เกม Chivalry 2 ก็ถือว่าสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของสงครามในยุคกลางที่มีความโหดร้ายและป่าเถื่อนออกมาได้อย่างดี ทำให้ผู้เล่นรู้สึกได้เลยว่าเราเป็นเหมือนพลทหารที่จะต้องฝ่าฟันเหล่าศัตรูในสนามรบ ต่อสู้ไปกับเพื่อนร่วมทีม ที่มีความวุ่นวายความโกลาหลในสนามรบไปด้วยกัน ส่วนภาพกราฟฟิคต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้อย่างสมจริง และเสียงด้วยเช่นกัน ซาวด์เอฟเฟคที่ทำออกมาได้อย่างสะใจ ซึ่งมันได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของสงครามออกมาได้อย่างดีมาก ส่วนระบบการจับคู่แมตช์ออนไลน์ก็มีความลื่นไหล แต่การปรับแต่งตัวละครอาจจะน้อยเกินไป ถ้ามีตัวเลือกให้เลือกมากกว่านี้ก็อาจจะน่าสนใจมากขึ้น ส่วนระบบการเล่นก็ทำออกมาได้อย่างดี มีความสนุกความท้าทาย ส่วนความสมดุลย์ของแต่ละคลาสก็ทำออกมาได้อย่างบาลานซ์กัน ถ้าใครที่ชอบการต่อสู้ในแบบสงครามยุคกลางเต็มไปด้วยเลือด ชิ้นส่วนมนุษย์ที่ถูกตัดขาด การใช้อาวุธระยะประชิดสู้กันตรง ๆ และสไตล์ที่หลากหลาย เกมนี้ก็ถือเป็นอีกเกมที่น่าลอง
เป็นเกมที่จะพาผู้เล่นเข้าไปสู่สงครามในยุคกลางที่จะต้องเผชิญหน้ากับทหารทั้งกองทัพพร้อมกับอาวุธที่ถือในมือ ที่จะต้องมุ่งหน้าเพื่อเข้าไปโจมตี โดยที่ผู้เล่นเองก็สามารถที่จะตายได้ทุกเมื่อ หรือจะรักษาชีวิตเอาไว้จนกว่าจะจบ และภาคนี้ก็ยังเป็นภาคต่อของ Chivalry: Medieval Warfare ซึ่งก็ได้วางจำหน่ายไปแล้วตั้งแต่ปี 2012 โดยภาคแรกก็ทำให้หลาย ๆ คนรู้จัก และภาคต่อภาคนี้ที่ผ่านมากว่า 10 ปี จะทำออกมาเป็นอย่างไร จะน่าเล่นเหมือนเดิมหรือไม่ รีวิวเกม Chivalry 2 โดยเซตติ้งของเกมก็จะนำเสนอโลกในสมัยยุคกลางที่มีความเถื่อนความดิบในยุคของสงครามและความขัดแย้งต่าง ๆ มีทั้งนักรบใส่ชุดเกราะ ซึ่งมาใน Theme ที่มีความสมจริง ไม่มีความแฟนตาซีผสมอยู่แต่อย่างใด ซึ่งโหมดหลักของเกมก็ไม่ได้มีอะไรมาก โดยในภาคนี้ก็จะให้ผู้เล่นทั้งหมด 64 คน เข้ามาอยู่ในสนามรบ พร้อม ๆ กันในแมตช์เดียว ซึ่งมันก็จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย สับสน อย่างแน่นอน โดยที่ผู้เล่นแต่ละคนก็จะได้เลือกอาวุธติดตัวไปและไอเทมด้วย ซึ่งทุก ๆ อย่างก็จะต้องคำนึงถึงการใช้งานด้วย รวมไปถึงน้ำหนัก เพราะมันจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ในการเล่น แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้เล่นก็จำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับศัตรูแบบตัวต่อตัวเลย และบางทีอาจจะโดนรุมจากศัตรูเป็นกลุ่ม ๆ ด้วย ส่วนตัวเกมก็จะประกอบไปด้วย 3 โหมดหลัก ๆ คือ team […]